วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551

ลองอ่านดิ........!

อาจมีที่เหนื่อยล้า แต่ขอให้ก้าวต่อ วันใดที่รู้สึกท้อ ฉันจะยืนยิ้มรออยู่ข้างๆ จุดหมายอาจไกล หวังเสมอให้เธอไปจนสุดทาง

อุปสรรคทุกๆอย่างอย่าให้อยากเกินฝ่าฟัน อาจมีที่อ่อนแอแต่เธอต้องไม่แพ้นะ คนทุกคนเกิดมาก็ต้องมีบ้างละที่จะผิดฝัน

ซึ่งถ้าพลาดพลั้งก็จงเรียนรู้เป็นประสบการณ์ อย่าทำร้ายตัวเองเพราะมันไม่มีประโยชน์ และหากวันหนึ่งเกิดบาดแผลเพราะความรัก

รู้สึกว่าตนเองไม่ฉลาดนักแบกรับทุกอย่างไม่ไหว ขอให้เธอนิ่งพอในวันนั้นแล้วคืนวันที่แย่จะผ่านไปโลกมืดหม่นต่อไปไม่ได้ตราบที่ทุก

สิ่งอยู่ใต้เงาตะวัน แค่คนเดียวที่ไม่รักเราอย่าเอามาเป็นเหตุผลให้เราไม่รักตัวเองแล้วหัวใจที่เคยโดนข่มเหงจะแข็งแรงไม่ไหวหวั่น

ทั้งหมดนี้คือความหวังดีเพราะผูกพัน เชื่อเถอะนะเธอคือองค์ประกอบสำคัญ "ในโลกที่ฉันยืนอยู่"

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2551

ปัจจุบันและอนาคตของดวงอาทิตย์





ตามการศึกษาแบบจำลองคอมพิวเตอร์ว่าด้วยวัฏจักรดาวฤกษ์ นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่าดวงอาทิตย์มีอายุประมาณ 4,570 ล้านปี ในขณะนี้ดวงอาทิตย์กำลังอยู่ในลำดับหลัก ทำการหลอมไฮโดรเจนให้เป็นฮีเลียม โดยทุกๆ วินาที มวลสารของดวงอาทิตย์มากกว่า 4 ล้านตันถูกเปลี่ยนเป็นพลังงาน ดวงอาทิตย์ใช้เวลาโดยประมาณ 1 หมื่นล้านปีในการดำรงอยู่ในลำดับหลัก


เมื่อไฮโดรเจนซึ่งเป็นเชื้อเพลิงของดวงอาทิตย์หมดลง วาระสุดท้ายของดวงอาทิตย์ก็มาถึง (คือการพ้นไปจากลำดับหลัก) โดยดวงอาทิตย์จะเริ่มพบกับจุดจบคือการแปรเปลี่ยนไปเป็นดาวยักษ์แดงภายใน 4-5 พันล้านปี ผิวนอกของดวงอาทิตย์ขยายตัวออกไป ส่วนแกนนั้นยุบตัวลงและร้อนขึ้นสลับกับเย็นลง มีการหลอมฮีเลียมเป็นคาร์บอนและออกซิเจนที่อุณหภูมิราว 100 ล้านเคลวิน จากสถานการณ์ข้างต้นดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์จะกลืนกินโลกให้หลอมลงไปเป็นเนื้อเดียวกัน แต่จากรายงานวิจัยฉบับหนึ่งได้ศึกษาพบว่าวงโคจรของโลกจะตีตัวออกห่างดวงอาทิตย์เพราะมวลของดวงอาทิตย์ได้สูญเสียไป จนแรงดึงดูระหว่างมวลมีค่าลดลง แต่ถึงกระนั้น น้ำทะเลก็ถูกความร้อนจากดวงอาทิตย์เผาผลาญจนระเหยสิ้นไปในอวกาศ และบรรยากาศโลกก็อันตรธานไปจนไม่เอื้อแก่ชีวิต

หลังจากที่ดวงอาทิตย์ได้ผ่านสภาพการเป็นดาวยักษ์แดงแล้ว อุณหภูมิจากปฏิกิริยาการหลอมฮีเลียมที่เพิ่มสลับกับลงภายในแกน ก็จะเป็นตัวการให้ผิวดวงอาทิตย์ด้านนอกผละตัวออกจากแกน เกิดเป็นเนบิวลาดาวเคราะห์ แล้วอันตรธานไปในความมืดมิดของอวกาศ และเป็นวัสดุสำหรับสร้างดาวฤกษ์และระบบสุริยะรุ่นถัดไป ส่วนแกนที่เหลืออยู่ก็จะกลายเป็นดาวแคระขาวที่ร้อนจัดและมีแสงจางมาก ก่อนจะดับลงกลายเป็นดาวแคระดำ จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือชีวิตของดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อยถึงปานกลาง